Pages

บทที่ 1 เรื่องที่ 3

ความหมายของระบบ

ความหมายของระบบ(System) ก่อนที่จะทำ กำรวิเครำะห์ระบบน้นั ควรทำ ควำมเขำ้ใจและทำ ควำมรู้จกักบั ระบบก่อนวำ่ ระบบคือ อะไร หมำยถึงอะไร มีส่วนประกอบหรือองคป์ ระกอบที่จะประกอบเป็นระบบไดอ้ยำ่ งไร ซึ่งได้มีผู้ให้ค ำ จำ กดัควำมและควำมหมำยของระบบเอำไวห้ลำยควำมหมำยดว้ยกนั ดงัน้ี ระบบ(System) มีควำมหมำยตำมพจนำนุกรม ฉบับรำชบัณฑิตยสถำน พ.ศ.2525 ได้ให้ควำมหมำย เอำไวว้่ำ ระบบ คือระเบียบเกี่ยวกบักำรรวมสิ่งต่ำงๆ ซึ่ งมีลักษณะซับซ้อนให้เข้ำล ำดับประสำนเป็ นอัน เดียวกนตำมหลักเหตุผลทำงวิชำกำร ั หรือหมำยถึงปรำกฏกำรณ์ทำงธรรมชำติซึ่งมีควำมสัมพันธ์ ประสำน เขำ้กนั โดยกำ หนดรวมเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ระบบ(System) คือกระบวนกำรต่ำงๆ ที่อยู่ในเครือข่ำยเดียวกนั และมีควำมสัมพนัธ์กนั ระหว่ำง กระบวนกำรเหล่ำน้นั และเชื่อมต่อกนั เพื่อทำ งำนใดงำนหนึ่งให้บรรลุถึงเป้ ำหมำยที่วำงไว้ ระบบ(System) คือกลุ่มขององคป์ ระกอบต่ำงๆ ที่ทำ งำนร่วมกนั เพื่อจุดประสงคอ์ นั เดียวกนัและ เพื่อใหเ้ขำ้ใจในควำมหมำยของคำ วำ่ ระบบที่จะตอ้งทำ กำรวเิครำะห์จึงตอ้งเขำ้ใจลกัษณะของระบบก่อน ลักษณะของระบบ ระบบมีลกัษณะที่ควรรู้และศึกษำดงัน้ี ระบบ หมำยถึงกำรรวมของสิ่งยอ่ ยๆ ที่เกี่ยวขอ้งกนั ต้งัแต่หน่ึงส่วนข้ึนไปเป็นหน่วยเดียวกนั เพื่อ วตัถุประสงค์หรือควำมมุ่งหมำยอย่ำงเดียวกนั เช่น ระบบรำชกำรแผ่นดิน ประกอบดว้ย กระทรวง ทบวง กรมและกองต่ำงๆ เป็นตน้ หรือระบบสุริยจกรวำล ( ั Solar System) ระบบ หมำยถึงระบบกำรทำ งำนขององคก์ ำรต่ำงๆ ที่ประกอบดว้ยระบบยอ่ ยๆ หลำยระบบรวมกนั และทำ งำนร่วมกนั ซ่ึงจะตอ้งมีกำรปฏิบตัิงำนอยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงเพื่อประโยชน์หรือวตัถุประสงคร์่วมกนั หรือ อยำ่ งเดียวกนั เช่น ระบบโรงเรียน ระบบโรงพยำบำลระบบธนำคำรระบบบริษัท ระบบห้ำงร้ำน เป็ นต้น กำรทำ งำนของหน่วยงำนย่อยต่ำงๆ ของระบบ จะต้องมีควำมสัมพนั ธ์เกี่ยวข้องประสำนกัน โดยมี วตัถุประสงค์หรือควำมมุ่งหมำยร่วมกนั หรืออย่ำงเดียวกนั เช่น ในองค์กรหน่ึงอำจแบ่งออกเป็นหลำยฝ่ำย หรือหลำยแผนก โดยแต่ละฝ่ำยหรือแต่ละแผนกจะมีหนำ้ที่ในกำรทำ งำนร่วมประสำนเพื่อนวตัถุประสงค์ เดียวกนั ระบบอำจถูกจ ำแนกแยกเป็ นประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือหลำยประเภท ท้งัน้ีสุดแต่ใครเป็นผู้ จ ำแนกและผทู้ี่ทำ กำรจำ แนกจะเห็นวำ่ ควรแบ่งหรือควรจะจดัเป็นประเภทใดเช่น เป็ นระบบเปิ ดหรือระบบ ปิดระบบเครื่องจกัร หรือระบบก่ึงเครื่องจักร เป็ นต้น องค์ประกอบของระบบ กำรที่จะกล่ำวหรืออธิบำยถึงองค์ประกอบของระบบว่ำประกอบดว้ยอะไรบำ้งน้นั ข้ึนอยู่กบัควำม คิดเห็นของผทู้ี่เกี่ยวขอ้งกบัระบบ ซ่ึงจะไม่เหมือนกนั แต่โดยทงั่ ๆ ไปแลว้มกัจะแบ่งองคป์ ระกอบออกเป็น 2 องคป์ ระกอบใหญ่ๆ คือ 1.องค์ประกอบแบบ 6 M คือ Man, Money, Material, Machine, Management, และ Morale ดัง รายละเอียดต่อไปนี้ 1.1 Man หมำยถึง บุคลำกรคือผทู้ี่จะตอ้งเกี่ยวขอ้งกบัระบบงำน หรือหมำยถึงคนทุกคนที่เกี่ยวขอ้ง กบัระบบน้นั เองอำจจะประกอบไปดว้ยผบู้ริหำรระดบั ต่ำงๆ ซ่ึงจะมีท้งัผบู้ริหำร ระดบั สูง ระดับกลำง และ ระดับปฏิบัติงำน และอำจประกอบดว้ยนกัวิชำกำรในระดบั ต่ำงๆ แต่จะนบั รวมลูกคำ้หรือผบู้ริโภค ซึ่งเป็ นผู้ ที่มีควำมสำ คญั ไม่นอ้ยของระบบดว้ยหรือไม่ก็ยอ่ มสุดแลว้แต่นกัวชิำกำรทำงดำ้นบริหำรระบบจะตดัสินใจ 1.2 Money หมำยถึง เงินหรือทรัพยส์ินที่มีค่ำเป็นเงินของระบบ ซ่ึงนบั เป็นหวัใจที่ส ำคญั อยำ่ งหน่ึง ของระบบ เช่น เงินทุน เงินสดเงินหมุนเวียน เงินคำใชจ้่ำย หรือเงินรำยรับ รำยจ่ำยต่ำงๆ เหล่ำน้ีเป็นตน้ ถ้ำ กำรเงินของระบบไม่ดีพอแล้ว ระบบน้ันย่อมจะประสบกับควำมยุ่งยำกหรืออำจถึงแก่กำรหำยนะได้ เพรำะฉะน้นั ระบบธุรกิจทุกชนิดจะต้องมีควำมระมัดระวังในเรื่องของกำรเงินเป็ นพิเศษ 1.3 Material หมำยถึง ตัวสินค้ำหรือวัสดุที่ใช้ในกำรผลิตสินค้ำ ซึ่งเป็ นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มี ควำมส ำคัญของระบบไม่น้อย ปัญหำในเรื่อง Material หรือสินค้ำและวสัดุน้ีมี2 ประกำรใหญ่ๆ 1.3.1 ประกำรแรก เป็ นกำรขำดแคลนวัสดุ เช่น กำรขำดวตัถุดิบส ำหับใช้ในกำรผลิตสินคำ้ของโรงงำน อุตสำหกรรม เมื่อขำดวตัถุดิบที่ใช้ในกำรผลิต ก็จะทำ ให้ไม่มีสินค้ำส ำหรับขำย ผลก็คือกำรขำดทุน 1.3.2 ประกำรที่สองคือกำรมีวตัถุดิบมำกเกินควำมตอ้งกำร เช่น มีสินคำ้ที่จำ หน่ำยหรือขำยไม่ออกมำก เกินไป ทำ ใหเ้งินทุนไปจมอยกู่ บัวตัถุดิบทำ ใหเ้กิดกำรขำดทุนเช่นเดียวกนั น้นั เอง 1.4 Machine หมำยถึง เครื่องจักร อุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้ในโรงงำนหรือในส ำนักงำน ซึ่ง นบัวำ่ เป็นองคป์ ระกอบที่สร้ำงปัญหำใหก้ บัระบบอยำ่ งสำ คญั ประกำรหน่ึงเหมือนกนั ปัญหำที่ทำ ให้ไดก้ำ ไร หรือขำดทุนมำกที่สุดของธุรกิจมกัเกิดจำกเครื่องจกัรและอุปกรณ์กำรทำ งำนเป็นส่วนใหญ่ เช่น เครื่องมีกำ ลงั ผลิตไม่พอเครื่องเก่ำ หรือเป็นเครื่องที่ล่ำสมยัทำ ให้ตอ้งเสียค่ำซ่อมบำ รุงสูง มีกำ ลงัผลิตนอ้ยประสิทธิภำพ ในกำรทำ งำนต่ำ แต่ค่ำใชจ้่ำยในกำรซ่อมบำ รุงหรือค่ำทำ งำนที่ล่ำช้ำ ทำ งำนไม่ทนักำ หนดเวลำที่กำ หนดไว้ ทำ ใหเ้กิดควำมเสียหำยและขำดรำยไดห้ รือขำดทุน เป็ นต้น 1.5 Management หมำยถึง กำรบริหำรระบบ ซ่ึงเป็นอีกเรื่องหน่ึงที่ทำ ให้ระบบเกิดปัญหำ เพรำะ กำรบริหำรที่ไม่ดีหรือกำรบริหำรที่ไม่ทนั ต่อกำรเปลี่ยนแปลง ของสภำวะแวดล้อมหรือไม่ทนั ต่อกำร เปลี่ยนแปลงต่อสังคม เศรษฐกิจและกำรเมือง ที่เรียกกนัวำ่ ไม่เป็นไปตำมโลกำนุวตัร หรือกำรได้ผู้บริหำรที่ ไม่มีประสิทธิภำพมำบริหำรงำน ซ่ึงส่วนมำกมกัเกิดข้ึนในระบบรำชกำร ส ำหรับระบบทำงธุรกิจของเอกชน จะถือวำ่ กำรบริหำรงำนเป็ นเรื่องที่ส ำคัญที่สุดเพรำะถ้ำกำรบริหำรไม่ดีแลว้ธุรกิจน้นัก็ไม่สำมำรถที่จะอยไู่ ด้ กิจกำรตอ้งลม้ เลิกไปในที่สุด 1.6 Morale หมำยถึงขวญั และกำ ลงัใจของบุคคลในระบบ หรือหมำยถึง ค่ำนิยมของคนที่มีต่อ ระบบหรือต่อองคก์ รมำกกวำ่ ซ่ึงเป็นค่ำนิยมของคนในระบบที่มีขวญั และกำ ลงัใจในกำรปฏิบตัิงำนอยำ่ งมี ประสิทธิภำพ และเป็นค่ำนิยมของผูบ้ ริโภคหรือบุคคลภำยนอกที่เกี่ยวขอ้งเพื่อสนบั สนุนให้ระบบอยรู่ อด และกระตุน้ จูงใจดว้ยวิธีต่ำงๆ ก็มีจุดมุ่งหมำยในสิ่งน้ีระบบที่ขำดค่ำนิยมหรือขำดควำมเชื่อมนั่ ของบุคคล ระบบน้นัก็มกัจะอยตู่ ่อไปไม่ได้จะตอ้งประสบกบัควำมลม้ เหลวในที่สุด 2. องค์ประกอบแบบ 4 ส่วน ซึ่ง 4 ส่วนนี้ ประกอบไปด้วยInput, Processing, Output และ Feedback 2.1 Input หมำยถึง ขอ้ มูลหรือระบบขอ้ มูลที่ใช้เขำ้สู่ระบบ เพื่อประโยชน์ในกำรน ำไปใช้ใน สำรสนเทศเพื่อกำรบริ หำร หรือเพื่อกำรตัดสินใจ ข้อมูลดังกล่ำวมีอยู่ในหลำยลักษณะด้วยกัน เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบสั่งซ้ือสินคำ้ เป็ นต้น 2.2 Processing หมำยถึงข้นั ตอนกำรปฏิบตัิงำน ซ่ึงอำจจะแบ่งไดเ้ป็น 2.2.1 กำรปฏิบตัิงำนตำมข้นั ตอนต่ำงๆ ตำมที่กำ หนดไว้ 2.2.2 กำรควบคุมกำรปฏิบัติงำน 2.2.3 กำรตรวจสอบผลกำรปฏิบัติงำน 2.2.4 กำรรวบรวมข้อมูล 2.2.5 กำรตรวจสอบข้อมูล 2.2.6 กำร Update ข้อมูล 2.2.7 กำรประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้ Output 2.3 Output หมำยถึงผลกำรปฏิบตัิงำนต่ำงๆ ซ่ึงอำจแบ่งไดเ้ป็น 2.3.1 ข้อมูลที่ได้จำกกำรปฏิบัติงำน 2.3.2 ข้อมูลที่ได้จำกกำรประมวลผลข้อมูล 2.3.3 ใบรำยงำนต่ำงๆ จำกกำรปฏิบัติงำน 2.3.4 ใบบันทึกกำรปฏิบัติงำน 2.3.5 กำรทำ ทะเบียนและบญั ชีต่ำงๆ เป็นตน้ 2.4 Feedback หมำยถึงขอ้มูลยอ้นกลบั หรือผลสะทอ้นที่ไดร้ับจำกกำรปฏิบตัิงำน เช่น ควำมนิยมใน ผลงำนที่ได้ปฏิบัติควำมเจริญหรือควำมเสื่อมของธุรกิจเป็นตน้ กระบวนการ กระบวนกำร (Procedure) คือกำรแสดงถึงกำรทำ งำนแต่ละข้นั ตอน ซึ่งอธิบำยให้เห็นถึง สิ่งที่ถูกกระทำ (What) จะท ำเมื่อไร (When) ใครเป็ นคนท ำ (Who) จะทำ อยำ่ งไร(How) ซึ่งในกำรที่จะท ำกำรศึกษำระบบใด ก็ตำมจะตอ้งทำ ควำมเขำ้ใจกำรทำ งำนของระบบน้นั ๆ ใหด้ีก่อนโดยกำร อำศัยค ำถำมข้ำงต้น 4 ขอ้ มำถำมตนเองอยตู่ ลอกเวลำ ประเภทของระบบ ระบบยงัสำมำรถที่จะแบ่งแยกออกไดห้ ลำยลกั ษณะดว้ยกนั ท้งัน้ีข้ึนอยกู่ บัลกั ษณะควำมตอ้งกำร ของผูใ้ช้ระบบว่ำต้องกำรแบ่งระบบออกมำในลักษณะใด กำรแบ่งประเภทของระบบแบ่งได้เป็น 1.ระบบธรรมชาติ(Natural System) และระบบที่คนสร้ำงข้ึน (Manmade System) 1.1 ระบบธรรมชำติ(Natural System) หมำยถึง ระบบที่เป็นไปตำมธรรมชำติหรือปล่อยให้เป็นไป ตำมธรรมชำติหรือโดยกำรอำศยัธรรมชำติเป็นส่วนใหญ่ เช่น ระบบไฟฟ้ำน้ำ ตกระบบกำรค้ำขำยของเอกชน ที่เป็นไปโดยธรรมชำติต่ำงคนต่ำงทำ ซ่ึงไม่มีกำรจดัระบบหรือระเบียนอยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงไว้ 1.2 ระบบที่คนสร้ำงข้ึน (Manmade System) หมำยถึง ระบบที่มีกำรสร้ำงข้ึนซ่ึงอำจเป็นกำรสร้ำง จำกระบบธรรมชำติเดิมหรืออำจจะไม่ไดอ้ำศยัธรรมชำติเดิมก็ได้เช่น ระบบบริหำรรำชกำรแผน่ ดินที่เป็นไป ตำมกฎหมำย ระบบธนำคำร ระบบบริษัท ระบบเครื่องจักร เป็ นต้น 2. ระบบปิ ด (Close System) และระบบเปิ ด (Open System) 2.1 ระบบปิ ด (Close System) หมำยถึง ระบบที่มีกำรควบคุมกำรทำ งำน และกำรแกไ้ขดว้ยตวัของ ระบบเองอยำ่ งอตัโนมตัิโดยระบบไม่เปิดโอกำสให้บุคคลภำยนอกเขำ้ไปปฏิบตัิไดด้ว้ยตนเอง หรือไม่เปิด โอกำสใหบ้ ุคคลภำยนอกไดเ้ขำ้ร่วม กำรดำ เนินกำรเมื่อบุคคลภำยนอกตอ้งกำรขอใชบ้ ริกำรจะตอ้งส่งงำนให้ บุคคลในระบบงำนเป็นผปู้ ฏิบตัิให้ท้งัน้ีเพื่อเป็นกำรป้องกนัควำมเสียหำยอนัจะเกิดข้ึน ของระบบหรือเพื่อ ป้องกนัควำมลบัของกำรปฏิบตัิงำนก็ได้ 2.2 ระบบเปิ ด (Open System) หมำยถึงระบบที่ไม่มีกำรควบคุมกำรทำ งำนดว้ยตวัระบบเอง จะต้อง ควบคุมดูแลโดยมนุษย์ระบบที่เปิดโอกำสใหบ้ ุคคลภำยนอกเขำ้ไปปฏิบตัิงำนได้เช่น ยอมให้บุคคลภำยนอก เขำ้ไปทำ งำนกบั เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตัวเองเป็ นต้น ระบบเปิดส่วนมำกเป็นระบบกำรใช้เครื่องจกัร เช่น ระบบเครื่อง ATM หรือระบบกำรใช้ห้องสมุดเป็ นต้น 3.ระบบคน (Man System) ระบบเครื่องจักร (Machine System) และระบบคน – เครื่องจักร (Man-Machine System) 3.1 ระบบคน (Man System หรือ Manual System) หมำยถึง ระบบที่กำรปฏิบตัิงำนส่วนใหญ่จะใช้ แรงงำนคน หรือระบบที่ใชแ้รงงำนคนในกำรทำ งำนโดยตรงอำจจะมีเครื่องจกัรช่วยในกำรทำ งำนบำ้งก็ได้ แต่จะตอ้งเป็นเครื่องจกัร ที่มีอยภู่ ำยใตก้ำรควบคุมของคนโดยตรง เช่น ระบบกำรประมวลผลด้วยมือ ระบบ กำรลงบัญชีหรือทะเบียนโดยใช้คนเป็ นผูท้ ำ ได้แก่ กำรรับส่งหนงัสือ กำรพิมพห์ นังสือ กำรลงทะเบียน ระบบกำรควบคุมกำรจรำจรโดยใช้เจ้ำหน้ำที่ไปท ำกำรโบกรถที่ถนน กำรท ำงำนอุตสำหกรรมในครัวเรือน โดยใชค้ นทำ กำรตดัเยบ็ เส้ือผำ้ดว้ยมือเป็นตน้ 3.2 ระบบเครื่องจักร (Machine System) หมำยถึง ระบบกำรท ำงำนที่ใช้เครื่องจักรโดยตรง คือ เครื่องจักรจะเป็ นผู้ท ำงำนให้ซ่ึงอำจจะจะใชค้ นบำ้งเพื่อควบคุมให้เครื่องจกัรทำ งำนไปไดเ้ท่ำน้นั เช่น กำร ฝำกถอนเงินโดยเครื่อง ATM กำรทอผ้ำด้วยเครื่องทอผ้ำ กำรพิมพ์หนังสือของโรงพิมพ์กำรบรรจุขวดของ น้ำ อดัลม ยำ หรืออำหำรกระป๋องกำรบรรจุหีบห่อที่ทำ โดยตรงดว้ยเครื่องจกัร เป็นตน้ 4.ระบบหลัก(Main System) และระบบรอง (Minor System) 4.1 ระบบหลัก (Main System) หมำยถึง ระบบที่วำงไวเ้ป็นหลกั หรือแนวทำงส ำหรับกำรกำ หนด หรือส ำหรับกำรจดั ทำ ระบบรองเพื่อให้เหมำะสมกบั สถำนกำรณ์บำงอย่ำงหรือเพื่อให้เหมำะสมกบั หน่วย ปฏิบตัิงำนยอ่ ย ระบบหลกั ส่วนมำกจะเป็นระบบที่วำงไวอ้ยำ่ งกวำ้งๆ เพื่อให้เขำ้กนั ไดก้ บั ทุกสถำนกำรณ์ หรือทุกหน่วยงำน 4.2 ระบบรอง (Minor System) หมำยถึง ระบบที่ช่วยเสริมระบบหลักให้สมบูรณ์หรือมี ประสิทธิภำพมำกข้ึน เช่น กำรทำ งำนที่มีแผนระบบส้ันและแผนระยะยำว 5. ระบบใหญ่(System) และระบบยอ่ ย(Sub System) 5.1 ระบบใหญ่ (System) หมำยถึง ระบบรวม หรือระบบที่รวมระบบยอ่ ยๆ ต้งัแต่หน่ึงระบบข้ึนไป เพื่อปฏิบตัิงำนอยำ่ งใดอย่ำงหน่ึง โดยมีวตัถุประสงคห์ รือเป้ำหมำยเดียวกนั หรือร่วมกนั เช่นระบบบริหำร รำชกำรแผน่ ดินที่ประกอบด้วยกระทรวงและทบวง หรือระบบองคป์ ระกอบธุรกิจที่ประกอบดว้ยฝ่ำยหรือ แผนกงำนต่ำงๆ 5.2 ระบบยอ่ ย (Sub System) หมำยถึง ระบบยอ่ ยของระบบใหญ่ เพื่อปฏิบตัิงำนอยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึง ของระบบใหญ่ หรือเป็นส่วนหน่ึงของระบบใหญ่ ซ่ึงถำ้ขำดระบบยอ่ ยส่วนใดส่วนหน่ึงแลว้ ระบบใหญ่จะ ดำ เนินกำรต่อไปไม่ได้และระบบยอ่ ยเหล่ำน้ีอำจจะแบ่งออกเป็นระบบยอ่ ยๆ ต่อไปไดอ้ีกเป็นลำ ดบั ๆ ไป 6.ระบบธุรกจิ(Business System) และระบบสำรสนเทศ (Information System) 6.1 ระบบธุรกิจ (Business System) หมำยถึงระบบที่ทำ งำนเพื่อจุดประสงค์ดำ้นธุรกิจ โรงงำน อุตสำหกรรม เป็นระบบธุรกิจเพื่อจุดประสงค์ดำ้นกำรผลิต ระบบขนส่ง ระบบโรงแรม ระบบกำรพิมพ์ ระบบธนำคำร และอื่นๆ อีกมำกมำยลว้นแลว้แต่เป็นระบบธุรกิจท้งัน้นัแต่ละระบบมีจุดประสงคแ์ ตกต่ำงกนั ออกไป ระบบธุรกิจอำจจะแบ่งเป็นยอ่ ยๆ ลงไปไดอ้ีก 6.2 ระบบสำรสนเทศ (Information System) หมำยถึง ระบบที่ช่วยในกำรจดักำรขอ้ มูลที่ตอ้งกำรใช้ ในกำรจดักำรขอ้มูลที่ตอ้งกำรใชใ้นระบบธุรกิจ ช่วยเก็บตวัเลขและข่ำวสำรเพื่อช่วยในกำรดำ เนินธุรกิจและ กำรตดัสินใจ เช่น ระบบกำรเก็บขอ้ มูลลูกคำ้อนัไดแ้ก่ ชื่อ ที่อยู่สินคำ้ที่ซ้ือขำยกำรจ่ำยเงิน ของลุกค้ำเป็น อยำ่ งอยำ่ งไร มีกำรติดหน้ีหรือหน้ีสูญหรือไม่อยำ่ งไร ซ่ึงระบบสำรสนเทศน้ีอำจจะใชห้ รือไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ก็ได้กำรแผนขอ้มูลอยำ่ งมีประสิทธิภำพเป็นกุญแจสำ คญั ที่นำ ไปสู่ควำมสำ เร็จในดำ้นธุรกิจอยำ่ งมำก 7.ระบบงานประมวลผลข้อมูล (Data – Processing System) หมำยถึง ระบบข้อมูลของคอมพิวเตอร์ที่ถูก พฒั นำข้ึนเพื่อตอบสนองควำมตอ้งกำรของธุรกิจเพื่อใชป้ ระมวลผลขอ้ มูลจำ นวนมำกๆ เป็นประจำ เช่น กำร ประมวลผลเงินเดือน สินค้ำคงคลัง เป็ นต้น ระบบงำนประมวลผลขอ้ มูลจะเป็นระบบที่ช่วยลดเวลำในกำร ปฏิบัติงำนลง โดยอำศัยควำมสำมำรถของคอมพิวเตอร์มำทดแทนกำรประมวลผลข้อมูลด้วยคน 8.ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร (Management Information System) หมำยถึง ระบบที่น ำข้อมูลมำ ท ำงำนวิเครำะห์ โดยมีจุดประสงคเ์พื่อสร้ำงขอ้ มูลให้กบั นกั บริหำรเพื่อประกอบกำรตดั สินใจ หรือเรียก ระบบน้ีวำ่ MIS ระบบน้ีเป็นระบบงำนขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ (Information System) แบบหนึ่ง ซึ่งต้องกำรปัจจัย 3 ประกำร คือ 8.1 คน(People) 8.2 ฮำร์ดแวร์(Hardware) 8.3 ซอฟต์แวร์ (Software) 9.ระบบช่วยการตัดสินใจ (Decision Support System) หมำยถึง ระบบกำรท ำงำนที่จะมีลักษณะโครงสร้ำง กำรทำ งำนคลำ้ยกบั ระบบสำรสนเทศเพื่อกำรบริหำร (MIS) จะแตกต่ำงกนั ตรงที่ ระบบน้ีไม่ไดม้ีกำรนำ ขอ้มูลมำใชเ้พื่อประกอบกำรตดัสินใจเท่ำน้นั แต่ระบบน้ีจะนำ ขอ้ มูลมำทำ กำรวิเครำะห์พร้อมกบั พิจำรณำถึง ทำงเลือกที่เป็นไปไดท้ ้งัหมดของธุรกิจและรำยงำนผลให้นกั บริหำรทรำบวำ่ ทำงเลือกไหนที่ระบบเห็นวำ่ ดี ที่สุด และทำงเลือกไหนที่แย่ที่สุดลดหลนั่ กนั ไปตำมลำ ดบั ถึงแมว้ำ่ ระบบน้ีจะทำ กำรเสนอทำงเลือกต่ำงๆ ให้กบัผูใ้ช้แต่สุดทำ้ยแลว้กำรตดั สินใจเลือกข้ึนอยกู่ บักำรตดั สินใจของผบู้ ริหำร ระบบน้ีเรียกอีกอย่ำงว่ำ DSS ระดับของผู้ใช้ระบบ เมื่อมีระบบเกิดข้ึนมำแล้วก็ย่อมตอ้งมีผูใ้ช้ระบบเกิดตำมข้ึนมำดว้ย ผูใ้ช้ระบบในที่น้ีหมำยถึง บุคคลที่ เชื่อมโยง เกี่ยวขอ้ง หรือมีควำมสัมพนัธ์กบั ระบบ ประเภทของผูใ้ช้ระบบสำมำรถแบ่งออกตำมขอบเขต หนำ้ที่และควำมรับผดิชอบอยำ่ งกวำ้งๆ เป็น 4 กลุ่ม คือ 1. เสมียนพนักงำนและผู้ให้บริกำร (Clerical and Service Staff) หมำยถึง พนักงำนที่มีหน้ำที่ เกี่ยวกบักำรจดักิจกรรมหรือจดัทำ ขอ้ มูลในลกั ษณะที่ใชป้ ระจำ วนั (Day – to – Day Information) ในธุรกิจ หรือในหน่วยงำนที่สังกดัอยู่ เช่น กำรพิจำรณำขอ้ มูลกำรให้สินเชื่อส ำหรับลูกคำ้แต่ละรำยกำรบนั ทึกและ ตัดสต๊อก หรือกำรพิมพ์จดหมำยโต้ตอบ จะเห็นไดว้ำ่ พนกังำนกลุ่มน้ีมกัจะเป็นพนกังำนที่เกี่ยวขอ้งโดยตรง กบัขอ้มูลที่เป็นขอ้มูลพ้ืนฐำนที่จะนำ ไปสู่ขอ้มูลที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ำยบริหำรต่อไป 2. หวัหนำ้หน่วยหรือซุปเปอร์ไวเซอร์(Supervisory Staff) หมำยถึง ผทู้ี่ทำ หนำ้ที่ควบคุมกิจกรรมที่ เกิดข้ึนประจำ วนัของธุรกิจ หรืออำจกล่ำวอีกอยำ่ งหน่ึงคือ บุคคลกลุ่มน้ีจะทำ หนำ้ที่ควบคุมกำรปฏิบตัิงำน ในกลุ่มของพนกังำนเสมียนและผใู้หบ้ ริหำร(กลุ่มที่1) อีกที่หน่ึง เช่น หวัหนำ้รับใบสั่งซ้ืออำจจะตอ้งกำรำย งำยสรุปประจำ วนั เกี่ยวกบักำรรับใบสั่งซ้ือท้งัหมดเพื่อจะดูสภำวกำรณ์รวมของกำรขำยประจำ วนั หรือ หวัหนำ้หน่วยผลิตตอ้งกำรรำยงำนสรุปวำ่ ยอดผลิตประจำ วนัของแต่ละผลิตภณั ฑม์ ีจำ นวนเท่ำไร เป็ นต้น 3.ผู้จัดกำรหรือผู้บริหำรระดับกลำง (Middle Management and Professional) หมำยถึง บุคคลที่ ทำ งำนเกี่ยวกบัแผนงำนธุรกิจ ซ่ึงโดยส่วนใหญ่จะเป็นแผนงำนระยะส้ัน ท ำหน้ำที่คอยควบคุมและจัดกำรให้ กำรปฏิบตัิงำนของหน่วยงำนที่มีเป็นไปตำมแผนงำนระยะส้ันที่ไดว้ำงไว้โดยไม่ตอ้งมุ่งควำมสนใจเกี่ยวกบั กำรปฏิบัติงำนหรือกิจกรรมที่เกิดข้ึนประจ ำวนั แต่มุ่งสนใจที่งำนหรือกิจกรรมที่เกิดเป็นระยะเวลำ ต่อเนื่องกนั นำนกวำ่ น้นั เช่น ระยะเวลำ 1 เดือน หรือ 3 เดือน (ไตรมำส) และยังท ำหน้ำที่เป็ นผู้รวบรวมและ กลนั่ กรองขอ้ มูลต่ำงๆเพื่อนำ เสนอต่อผูบ้ ริหำรระดบั สูงต่อไป ซึ่งจะท ำให้ผู้บริหำรระดับสูงมีเวลำคิดงำน ทำงด้ำนนโยบำย (Policy) และแผนงำนระยะยำว(Long Term Plan) ไดม้ ำกข้ึนอีกดว้ย เช่น นำยช่ำงวิศวกรผู้ คุมงำน หัวหน้ำแผนกบัญชีผจู้ดักำรฝ่ำยบุคคล หรือ หวัหนำ้ฝ่ำยต่ำงๆ เป็นตน้ 4.ผู้อ ำนวยกำรหรือผู้บริหำรระดับสูง (Executive Management) หมำยถึง บุคคลที่รับผิดชอบต่อกำร วำงแผนงำนระยะยำวและกำรกำ หนดนโยบำย เพื่อให้ธุรกิจน้นัดำ เนินไปไดอ้ยำ่ งมีเป้ำหมำย เป็นบุคคลที่ มองธุรกิจไปขำ้งหนำ้เสมอ โดยปกติมกัจะเป็นแผนงำนระยะยำวกวำ่ แผนของผบู้ริหำรระดบักลำงเป็นแผน ต้งัแต่1 ปีหรือมำกกวำ่ น้นั โดยจะนำ ขอ้ มูลในอดีตมำใชเ้ป็นแนวทำงในกำรพิจำรณำถึงแนวโนม้ ต่ำงๆ เพื่อ กำ หนดแผนงำนระยะยำวและนโยบำยของธุรกิจต่อไป หนำ้ที่อีกประกำรคือเป็ นผู้ที่คอยควบคุมและจัดสรร ทรัพยำกรต่ำงๆ ที่จำ เป็นในกำรดำ เนินกิจกำรของธุรกิจ เช่น เงินทุน แรงงำน เครื่องจกัร ที่ดิน หรืออำคำร ต่ำงๆ เป็นตน้ ซึ่งจะต้องค ำนึงถึงภำพรวมของธุรกิจท้งัหมดไม่เพียงจุดใดจุดหน่ึงในธุรกิจเท่ำน้นั ฉะน้นั ผูบ้ ริหำรระดบั สูงจึงตอ้งกำรขอ้ มูลซ่ึงผ่ำนกำรกลนั่ กรองมำแลว้เป็นอย่ำงดี เพื่อสำมำรถน ำไปใช้ในกำร ตัดสินใจและวำงแผนหรือนโยบำยต่อไปได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น